LET เปิดตัวธุรกิจ ยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยภายใต้แนวคิด “Beyond Security”

บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (LET) เปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการในฐานะผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร โดยเน้นการบูรณาการเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด “Beyond Security” พร้อมจัดแสดงนวัตกรรม 4 กลุ่มหลัก เพื่อเพิ่มศักยภาพการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย หวังยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 นายยุทธพร จิตตเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์ อีโวลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด หรือ LET ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยมีบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100% และได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด “Live Beyond” ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โดยมุ่งแสดงศักยภาพในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ ทั้งในด้านการออกแบบ บริการ System Integration ระบบเครือข่าย แอปพลิเคชัน และบริการดูแลรักษาระบบความปลอดภัย เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ Total Solutions อันดับหนึ่ง ที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

จุดเด่นสำคัญของ LET คือ “Beyond Platform” แพลตฟอร์มอัจฉริยะที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีจากบริษัท Brazen ประเทศสิงคโปร์ โดยเน้นการใช้ Big Data และ AI ผสานกับระบบโดรน กล้องวงจรปิด และเซนเซอร์หลากหลายระดับ ทั้งในระดับเมือง จังหวัด และภูมิภาค พร้อมระบบบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ผ่านศูนย์สั่งการ Single Command Control Center ภายใต้แนวคิด 3P คือ Predict, Prepare, Prevent และ 1M คือ Manage เพื่อป้องกันภัยคุกคามและลดอาชญากรรมอย่างยั่งยืน เสริมสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว พร้อมยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นเมืองปลอดภัยอย่างแท้จริง

กลุ่มเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยของ LET แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. กลุ่มเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ: มุ่งเน้นการออกแบบระบบปฏิบัติงานแบบศูนย์รวม โดยผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพเคลื่อนไหวที่มีความสามารถในการประมวลผลแบบอัจฉริยะ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วแบบเรียลไทม์ ช่วยในการคัดกรองและสรุปเหตุการณ์เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็ว กลุ่มเป้าหมายหลักคือหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

2. กลุ่ม Beyond Platform และระบบรักษาความปลอดภัยไร้คนควบคุม: มุ่งเน้นการออกแบบศูนย์ควบคุมและสั่งการ โดยเชื่อมโยงกับระบบตรวจจับระยะไกลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์และสั่งการอัตโนมัติ รวมถึงเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยี IoT และระบบบริหารจัดการแบบศูนย์กลางระยะไกล กลุ่มเป้าหมายครอบคลุมตั้งแต่ระดับองค์กร เช่น อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ร้านค้าปลีกหลายสาขา โครงการหมู่บ้านจัดสรร ไปจนถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไป

3. กลุ่มเทคโนโลยีสนามบิน: มุ่งเน้นการออกแบบระบบจัดการผู้โดยสารในสนามบินชั้น ให้มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว เช่น ระบบสายพานกระเป๋า ระบบบริหารการเช็คอินผู้โดยสาร และระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสาร

4. กลุ่มเทคโนโลยีพิเศษ: มุ่งเน้นการออกแบบระบบเฉพาะภารกิจสำหรับหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น ระบบดักฟัง GSM ระบบรบกวนสัญญาณ (Jammer) ระบบโดรนทางทหาร ระบบกล้องหลายเซ็นเซอร์ ระบบเครือข่าย รวมถึงระบบบิ๊กดาต้า (Big Data) ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับ AI เพื่อช่วยหน่วยงานด้านความมั่นคงรับมือกับสถานการณ์และลดความเสียหายได้อย่างทันท่วงที

นายยุทธพร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในตลาดระบบรักษาความปลอดภัย “ความเชื่อมั่น” คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องส่งมอบให้แก่ลูกค้า ดังนั้น นอกเหนือจากการรับประกันคุณภาพจากผลงานที่ผ่านมาแล้ว กลยุทธ์ด้านการตลาดของ LET ยังเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างบริษัทประกันภัย เพื่อจัดทำแพ็กเกจความปลอดภัย และได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าบริการแบบยืดหยุ่นให้กับลูกค้า ตามความเหมาะสมและความต้องการอีกด้วย

บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 ไว้ที่ 400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 10% แบ่งเป็นสัดส่วนจาก 4 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่ม Public Safety 40%, Beyond Platform 25%, กลุ่มสนามบิน 25% และกลุ่มเทคโนโลยีพิเศษ 20% สำหรับผลงานที่แล้วเสร็จ อาทิ ระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ (ส่วนที่ 1) ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ จากทั้งหมด 8 จังหวัด ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามเหตุอาชญากรรมภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที รวมถึงระบบที่ถูกติดตั้งในสถานีขนส่งหมอชิต สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย สนามบินหาดใหญ่ และอาคารล็อกซเล่ย์

นอกจากนี้ LET ยังมีบริการ “LET Care” สำหรับลูกค้าทั่วไป ครัวเรือน และองค์กรที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงมากกว่าระบบเตือนภัยทั่วไป โดยสามารถตรวจจับความผิดปกติ เช่น ความร้อน อุณหภูมิ ควัน พร้อมควบคุมระบบไฟฟ้า และแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินอัตโนมัติแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานีตำรวจ หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ผ่านระบบ CCC (Command Control Communication) ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโจทย์สังคมยุคดิจิทัล

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของ LET ได้ที่
โทรศัพท์ 02-348-8811
อีเมล: info_loxleyevolution@loxley.co.th
เว็บไซต์: https://loxleyevolution.co.th